เรื่อง

สบู่ที่ทําให้ขาว

ทำความรู้จัก 3 สารเคมีอันตรายยอดนิยมที่พบในสบู่ที่ทําให้ขาว

เลือกสบู่ที่ทําให้ขาวอย่างปลอดภัย ควรเลี่ยงสารอันตรายเหล่านี้

ผลิตภัณฑ์ผิวขาวทุกประเภททุกยี่ห้อจะต้องมีส่วนผสมหนึ่งที่เรียกกันว่า “ไวท์เทนนิ่ง” หรือสารที่ช่วยปรับผิวขาว สารนี้มีทั้งแบบที่ใช้ได้อย่างปลอดภัยและใช้แล้วเป็นอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งผลิตภัณฑ์บางตัวไม่ว่าจะเป็นครีมหรือสบู่ที่ทําให้ขาวนั้นถูกผู้ประกอบการแอบผสมสารอันตรายลงไปเพื่อหวังผลให้ใช้แล้วจะได้ขาวเร็ว ขาวไว แต่ก็จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อร่างกายในระยะยาวเช่นกัน สารกลุ่มนี้มีอะไรบ้าง มาสำรวจดูกัน

สบู่ที่ทําให้ขาว

ปรอท (Mercury) หนึ่งในสารอันตรายที่พบบ่อยในครีมและสบู่ที่ทําให้ขาว เป็นสารต้องห้ามใช้ตามประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข ปรอทมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส ทำให้ผิวผลิตเม็ดสีเมลานินน้อยลง สีผิวจึงขาวขึ้น ผลิตภัณฑ์ผิวขาวผสมปรอททำให้ผิวขาวขึ้นจริงแต่มีผลข้างเคียงมากมาย ผิวอาจแห้งลอก ด่างขาวเป็นจุด เป็นฝ้าดำถาวร นอกจากผิวพรรณแล้วปรอทยังส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายใน ทำให้ตับไตอักเสบ โลหิตจาง ทางเดินปัสสาสะอักเสบ อาจแพ้ปรอทรุนแรงอาจตับวายเฉียบพลันจนเสียชีวิตได้

สเตียรอยด์ (Steroid) เป็นสารเคมีที่มีประโยชน์ทางการแพทย์ แต่การนำมาผสมในผลิตภัณฑ์ผิวขาวมักจะไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลอย่างถูกต้อง ซึ่งสเตียรอยด์หากใช้กันแบบผิดๆถึงแม้ผิวจะขาวขึ้นจริง แต่ผิวจะบางมากจนเห็นเส้นเลือด ผิวแดงและไวต่อแดด แสบผิวได้ง่าย เกิดผดผื่นหรือสิวที่เรียกว่าสิวสเตียรอยด์ หากใช้ไปนานๆจะมีอาการติดสเตียรอย์ หากเลิกใช้แบบกะทันหันผิวมักจะพังอย่างรวดเร็ว ดังนั้นหากจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ จะต้องใช้ภายใต้การควบคุมดูแลจากแพทย์เท่านั้น

ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ออกฤทธิ์คล้ายคลึงกับปรอท โดยจะไปลดการผลิตเม็ดสีผิว ผิวจะขาวขึ้น สิว ฝ้าจางลงได้ ส่วนผลข้างเคียงที่พบบ่อยได้แก่ ผิวแดงเป็นตุ่ม แสบร้อน ผิวด่างดำเป็นปื้นเหมือนฝ้า หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง ไฮโดรควิโนนเคยเป็นสารที่ถูกนำมาผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แต่ภายหลังพบว่าสารนี้มีผลเสียมากกว่าผลดีจึงกลายเป็นอีกหนึ่งสารที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอางทั่วไป เช่นกัน ยกเว้นผลิตภัณฑ์บางตัวที่ต้องใช้ภายใต้การดูแลจากแพทย์

สบู่ที่ทําให้ขาว

สำหรับใครที่ต้องการใช้ครีมหรือสบู่ที่ทําให้ผิวขาวแต่กังวลเรื่องความปลอดภัย ขอบอกว่าการหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์อันตรายเหล่านี้สามารถทำได้ไม่ยาก ก่อนอื่นต้องไม่ซื้อเพราะโฆษณาชวนเชื่อ ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีข้อมูลชัดเจนทั้งในเรื่องของส่วนผสม รายละเอียดการผลิต ที่ตั้งของแหล่งผลิต การรับรองจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ หากซื้อมาแล้วควรทดสอบการแพ้ทุกครั้งก่อน เพียงเท่านี้ก็จะบำรุงผิวให้ขาวขึ้นได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นแล้ว

สบู่ที่ทําให้ขาว

เลือกใช้สบู่ที่ทําให้ขาว อย่างปลอดภัย ปราศจากสารปรอท

เลือกสบู่ที่ทําให้ขาว ที่ไม่มีสารเคมีอันตรายอย่างปรอท

หากพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่ผิวยอดนิยมในปัจจุบันคงหนีไม่พ้นครีมผิวหน้าแน่ๆ แต่ว่ายังมีสินค้าผิวขาวอีกตัวหนึ่งที่ผลิตออกมาขายกันอยู่เรื่อยๆหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ซึ่งก็คือ สบู่ที่ทําให้ขาว นั่นเอง สบู่ผิวขาวนี้หลายตัวผลิตออกมาอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน ใช้ได้อย่างปลอดภัย แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่เป็นสบู่อันตรายเนื่องจากมีส่วนผสมของสารเคมีอันตรายอย่างปรอทเอาไว้ สารนี้ทำให้ผิวขาวขึ้นจริงแต่เป็นอันตรายอย่างมาก สบู่หรือผลิตภัณฑ์ผิวขาวตัวไหนมีสารนี้ต้องงดใช้โดยเด็ดขาด ว่าแต่อันตรายอย่างไร มาดูกัน

สบู่ที่ทําให้ขาว

 

ก่อนอื่นต้องอธิบายกลไกการปรับสีผิวของปรอทก่อน โดยสารนี้เมื่อรับเข้าสู่ร่างกายแล้วจะเข้าไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซเนส ทำให้มีการผลิตเซลล์เม็ดสีผิวน้อยลง ผิวจึงขาวขึ้น โดยจะขาวไวมากแต่จะดูขาวซีด ผิวบาง เห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนังได้ง่าย เนื่องจากขาวไวทันใจทำให้หลายคนไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา

ปรอทในสบู่ที่ทําให้ขาวรวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆ ถึงแม้ร่างกายจะรับเข้าไปเพียงเล็กน้อย ก็สามารถเกิดผลข้างเคียงได้ตั้งแต่มีอาการแพ้ ผิวลอกแดง ผิวบางไวต่อแดด ผิวด่างขาวหรือไม่ก็ดำเหมือนเป็นฝ้าอย่างถาวร ในกรณีที่ใช้เยอะๆหรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน พิษปรอทจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและก่อให้เกิดการอักเสบที่อวัยวะภายในมากมาย เช่น ตับ ไต ทางเดินปัสสาวะ โลหิตจาง ระบบประสาทและสมองถูกทำลาย ในรายที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรง อาจตับวายเฉียบพลันและเสียชีวิตหลังจากนั้นเพียงไม่นาน ซึ่งเป็นข่าวที่พบได้เป็นระยะตามสื่อต่างๆ

สบู่ที่ทําให้ขาว

สำหรับผู้ที่อยากมีผิวขาวแต่ไม่อยากตกอยู่ในอันตรายของสารปรอท ขอแค่เพียงหลีกเลี่ยงสบู่ที่ทําให้ผิวขาวที่โฆษณาเกินจริง เพราะสบู่หรือแม้แต่สกินแคร์อื่นๆถึงแม้จะมีส่วนผสมที่พรีเมียมแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้ผิวขาวเร็วทันใจภายในไม่กี่วันอย่างแน่นอน นอกจากนี้จะต้องเลือกใช้สบู่ที่มีการผลิตได้มาตรฐาน มีข้อมูลการผลิตที่ถูกต้องชัดเจนและน่าเชื่อถือ มีฉลาก มีการรับรองความปลอดภัยจากอย. หากไม่รู้จะเลือกใช้ยี่ห้อไหนดี จะลองเปิดใจให้ “Pure Soap” กันดูก็ได้ รับประกันว่าสบู่ของเราปลอดภัย ปราศจากสารอันตรายอย่างปรอทแน่นอน

สบู่ที่ทําให้ผิวขาว

สบู่ที่ทําให้ผิวขาว จุดเริ่มต้นง่ายๆของการมีผิวขาวกระจ่างใส

ผิวขาวกระจ่างใสได้ง่ายๆ เริ่มจากการเลือกใช้สบู่

การดูแลผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใสนั้นทำได้หลายวิธี แต่การอาบน้ำมักเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามแล้วหันไปบำรุงโดยการทาครีมหรือทานอาหารเสริม แต่อันที่จริงแล้วมีสบู่หลากหลายยี่ห้อที่ผลิตออกมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับผิวให้ขาวขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งคงจะดีกว่าแน่นอนหากเริ่มดูแลกันตั้งแต่สเตปแรก เพราะผิวจะได้สะอาดสดใสและพร้อมรับการบำรุงได้อย่างเต็มที่นั่นเอง ว่าแต่ควรซื้อสบู่ที่ทําให้ผิวขาวยี่ห้อไหนมาใช้กันดี?

สบู่ที่ทำให้ผิวขาวนั้นมีหลายยี่ห้อ ส่วนผสมก็จะแตกต่างกันออกไป ประสิทธิภาพก็จะต่างกันไปด้วย สบู่ผิวขาวที่ดีควรทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด กำจัดคราบไคลและสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดีพร้อมทั้งบำรุงและปรับสีผิวให้กระจ่างใสไปพร้อมๆกัน การเลือกสบู่ที่มีคุณสมบัติแบบนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปหากทุกคนได้รู้จักกับ “Pure Soap” สบู่มะพร้าวสดที่อุดมไปด้วยสารสกัดที่ดีต่อผิวพรรณ สบู่ที่ทำความสะอาดผิวได้ดีแต่ไม่ทำให้ผิวแห้ง มีส่วนผสมจากน้ำมะพร้าวบริสุทธิ์ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื่น ลดการอักเสบและการระคายเคือง กรดลอริคในน้ำมะพร้าวช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว

สบู่ที่ทําให้ผิวขาว

มีกรดผลไม้(AHA)จากธรรมชาติช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ขาวกระจ่างใสมากขึ้น ฝ้า กระ จุดด่างดำแลดูจางลง มีกลูต้าไธโอนซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการผลิตเม็ดสีผิว ปรับผิวที่หมองคล้ำให้ขาวใสมากขึ้น มีวิตามินอีที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ชะลอการเกิดริ้วรอยได้ คุณสมบัติทั้งหมดนี้อัดแน่นอยู่ภายในสบู่เพียงก้อนเดียว ใครที่กำลังมองหาสบู่ผิวขาวอยู่ นี่เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก

 

เคล็ดลับการอาบน้ำ

แนะนำให้ใช้สบู่ Pure Soap ทุกครั้งที่อาบน้ำ โดยใช้ร่วมกับใยขัดผิวขัดเป็นวงกลมให้ผิวร่างกาย เน้นตรงซอกพับและจุดที่ดำด้าน เช่น รักแร้ ข้อศอก หัวเข่า ขาหนีบ ก้น ซอกเท้า เป็นต้น เมื่อขัดจนทั่วแล้วฟอกทิ้งไว้ 3 นาทีแล้วล้างออก หากอยากให้สิ่งสกปรกหลุดออกมาได้ง่ายกว่าเดิม ก่อนฟอกสบู่ควรอาบน้ำอุ่นกว่าอุณหภูมิร่างกายเล็กน้อยสัก 2-3 นาที เพื่อเปิดรูขุมขน จะได้ง่ายต่อการทำความสะอาดนั่นเอง

สบู่ที่ทําให้ผิวขาว

เมื่อทราบกันอย่างนี้แล้วก็อย่าลืมไปหาซื้อสบู่ที่ทําให้ขาวมาลองใช้กันดู ที่สำคัญต้องปฏิบัติตามเคล็ดลับการอาบน้ำกันอย่างสม่ำเสมอ เพราะผิวจะไม่มีการะสมของคราบไคล เซลล์ผิวเก่าจะถูกผลัดออกไป ผิวพรรณจะสะอาดและขาวกระจ่างใสยิ่งขึ้นกว่าเดิม

สบู่ที่ทําให้ขาว

อยากมีผิวหอม กระจ่างใส เลือกใช้สบู่ที่ทําให้ผิวขาวอย่างไรดี

เลือกใช้สบู่ที่ทําให้ผิวขาวยี่ห้อไหนดี เรามาหาคำตอบกันดีกว่า

การอาบน้ำเป็นพื้นฐานของการมีผิวสวยสุขภาพดี ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆที่หลายคนมองข้าม นอกจากนี้ยังมีบางคนที่รู้สึกอาบยังไงก็ไม่สะอาด ทั้งคราบไคลที่สะสมและกลิ่นตัวที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแม้จะเพิ่งอาบน้ำไปได้ไม่นาน ดังนั้นในวันนี้ใครที่อยากมีผิวสวย ดูขาวใสแลดูสุขภาพดี  มาดูดีกว่าว่าควรอาบน้ำอย่างไรหรือเลือกใช้สบู่ที่ทําให้ผิวขาวยี่ห้อไหนดี

 

เคล็ดลับการอาบน้ำและแนวทางการเลือกสบู่ที่ทําให้ขาว

ในแต่ละวันผิวหนังต้องเผชิญกับมลภาวะมากมาย เมื่อผสมรวมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วและน้ำมันที่ผิวหนังจึงกลายมาเป็นคราบสกปรกติดแน่น หากอาบน้ำแล้วชะล้างไม่สะอาดพอก็จะหลงเหลือคราบนี้บนผิวหนัง เมื่อสะสมนานๆเข้าก็จะกลายเป็นขี้ไคลนั่นเอง การมีขี้ไคลอยู่บนผิวหนังเยอะๆนอกจากจะทำให้ดูไม่สะอาดแล้ว ยังทำให้ผิวหมองคล้ำ และสีผิวไม่สม่ำเสมออีกด้วย แล้วถ้าอยากมีผิวที่สะอาด ขาวกระจ่างใส ต้องอาบน้ำอย่างไรดี?

สบู่ที่ทําให้ขาว

 

เลือกสบู่ให้ถูกต้อง เนื่องจากน้ำมันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คราบสกปรกเกาะติดผิวหนัง เพราะฉะนั้นสบู่ที่ใช้จะต้องทำให้น้ำมันแตกตัวได้ สิ่งสกปรกจะได้หลุดออกมาและง่ายต่อการชะล้าง สบู่แต่ละยี่ห้อจะมีคุณสมบัติในชะล้างมากน้อยต่างกัน วิธีทดสอบทำได้โดยนำน้ำมันมาป้ายแก้วใสแล้วทิ้งเอาไว้จนเริ่มแห้งเล็กน้อย จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด ถูสบู่ที่คราบบางส่วนแล้วล้างน้ำอีกรอบ ทิ้งจนแห้ง หากสบู่มีคุณภาพดี แก้วจะกลับมาใสดังเดิมโดยไม่ทิ้งคราบเอาไว้

ส่วนผสม หากต้องการให้ผิวขาวด้วยต้องเลือกสบู่ที่ทําให้ผิวขาวซึ่งมักจะมีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่ง ปัจจุบันนี้มีไวท์เทนนิ่งหลายชนิดที่นิยมนำมาผสมในสบู่ เช่น วิตามินซี กลูต้าไธโอน อัลฟา-อาร์บูติน เป็นต้น นอกจากนี้สมนุไพรบางประเภทก็มีส่วนช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้เช่นกัน อาทิ มะขาม มะหาด ขมิ้น มะกรูด เป็นต้น ก็สามารถเลือกใช้กันได้ตามต้องการ ทั้งนี้หากใครผิวแพ้ง่ายอย่าลืมเลือกสูตรที่อ่อนโยนต่อผิวด้วย

อย่าอาบน้ำบ่อยเกินไป เพราะจะไปชะล้างน้ำมันธรรมชาติออกมากเกินควร ทำให้ผิวแห้งจนร่างกายต้องขับน้ำมันออกมามากกว่าเดิม ผิวจะเปลี่ยนมาเป็นมันเยิ้มและเหนียวเหนอะหนะในที่สุด สำหรับเมืองไทยที่มีอากาศร้อนแบบนี้ อาบแค่วันละ 2 ครั้งก็เพียงพอ แต่ถ้าไม่ได้ออกไปข้างนอกอยู่แต่ในห้องแอร์ตลอดทั้งวัน อาบแค่วันละ 1 ครั้งก็พอแล้ว

ผลัดเซลล์ผิวบ้าง จะสครับผิวสัก 2-3 ครั้งสัปดาห์หรือจะใช้ใยขัดผิวทุกครั้งที่อาบน้ำก็ได้ เน้นขัดตามซอกพับต่างๆในร่างกาย เช่น รักแร้ ขาหนีบ ข้อพับแขนและเข่า ซอกนิ้วเท้า เป็นต้น เพราบริเวณเหล่านี้มักเป็นจุดอับง่ายต่อการสะสมคราบไคลและสิ่งสกปรก

สบู่ที่ทําให้ขาว

จะเห็นได้ว่าการอาบน้ำให้ผิวพรรณสะอาดหมดจดและขาวกระจ่างใสนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ต้องใส่ใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นโดยเฉพาะเรื่องการเลือกสบู่ที่ทําให้ขาว สำหรับใครที่อยากมีผิวที่สวยใส แลดูสุขภาพดี อยากให้เริ่มต้นกันที่การอาบน้ำ เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่ส่งผลดีต่อสุขภาพผิวมากกว่าที่หลายคนคิดอย่างแน่นอน

สบู่ที่ทําให้ขาว

สบู่ที่ทําให้ขาวใช้ได้ผลจริงหรือไม่ เรามีคำตอบมาให้คุณ

ถ้าอยากผิวขาวอย่างปลอดภัย เลือกสบู่ที่มาจากธรรมชาติ ปราศจากสารอันตราย

ปัจจุบันนี้วิธีการดูแลผิวพรรณให้ขาวใสมากขึ้นนั้นมีอยู่มากมาย มีตั้งแต่การบำรุงผิวธรรมดาไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ สบู่ที่ทําให้ขาวก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่พบเห็นกันได้อยู่บ่อยๆ ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าแค่ฟอกแล้วล้างออกในเวลาเพียงไม่กี่นาทีจะทำให้ผิวขาวขึ้นได้จริงหรือ? สบู่บางยี่ห้อถึงกับโฆษณาว่าช่วยให้ผิวขาวขึ้นเร่งด่วนใน 3-7 วันเท่านั้น แต่นั่นเป็นความจริงหรือไม่ มาหาคำตอบกัน

สบู่ที่ทําให้ขาว

สบู่ผิวขาวนั้นมักจะมีส่วนผสมของสารที่ช่วยให้ผิวขาว ซึ่งแน่นอนว่ามีทั้งแบบปลอดภัยและปลอดภัย สำหรับส่วนผสมที่ปลอดภัยใช้กันอย่างทั่วไปก็มีอยู่หลายชนิด เช่น กลูต้าไธโอน วิตามินซี วิตามินอี กรดผลไม้ อัลฟ่า-อาร์บูติน เป็นต้น หากสบู่ที่สัดส่วนของสารเหล่านี้ในปริมาณที่เหมาะสม มีกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ผ่านการตรวจสอบคุณภาพมาแล้วเรียบร้อย ก็ย่อมเป็นสบู่ที่ใช้งานได้อย่างปลอดภัย ส่วนผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล หลายคนใช้แล้วผิวขาวขึ้นได้แต่จะอยู่ในลักษณะที่ค่อยๆขาวขึ้น ไม่ใช่ขาวอย่างรวดเร็ว บางคนใช้แล้วอาจไม่ได้ผลเพราะพันธุกรรมเป็นคนผิวคล้ำหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อยๆ ก็อาจจะไม่เห็นผลเท่าใดนัก อีกประการหนึ่งคือการใช้สบู่แค่ฟอกแล้วล้างออก การบำรุงย่อมไม่เท่ากับการทาครีมบำรุงผิวหรือทานอาหารเสริมอย่างแน่นอน

 

อันตรายจากสบู่ผิวขาวที่ไม่ได้มาตรฐาน

นอกจากส่วนผสมปลอดภัยดังกล่าวข้างต้น ยังมีสบู่ผิวขาวอันตรายมากที่ใส่สารอันตรายลงไป เช่น ปรอท ใส่เพื่อช่วยเร่งให้ผิวขาวอย่างรวดเร็ว แต่ส่งผลเสียอย่างรุนแรงต่อร่างกายเพราะปรอทสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนัง หากได้รับในปริมาณมาก ระบบประสาทและอวัยวะภายในจะถูกทำลายได้

สบู่ที่ทําให้ขาว

สรุปคือสบู่ที่ทําให้ผิวขาวจะใช้ได้ผลหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลรวมไปถึงปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ หากใช้สบู่ผิวขาวแต่ยังตากแดดแรงโดยไม่ทาครีมกันแดด สบู่ก็ย่อมไม่ช่วยอะไร เพราะฉะนั้นหากอยากมีผิวสวยใสจะต้องดูแลผิวหลายๆวิธีควบคู่กันไป ถ้าต้องการซื้อสบู่ผิวขาวมาใช้ให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก อย่าหลงเชื่อโฆษณาเกินจริงเพราะไม่มีผลิตภัณฑ์ใดๆที่ทำให้ผิวขาวด่วนได้อย่างปลอดภัยใน 3-7 วัน แต่กับ “Pure Soap” เราคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก สบู่ของเราปราศจากสารอันตราย มีกลิ่นหอมอ่อนๆ อาบสะอาด ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น ไม่ทำร้ายผิว ถ้ากำลังมองหาสบู่ดีๆกันอยู่ ลองใช้ Pure Soap กันดูนะคะ

สบู่ที่ทําให้ขาว

ทำไมคนเราสีผิวถึงต่างกัน แล้วจะทำยังให้ผิวกระจ่างใส

เผยสาเหตุว่าทำไมสีผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน พร้อมแนะนำสบู่ที่ทําให้ขาว

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมคนเราเกิดมาถึงมีสีผิวที่แตกต่างกันออกไป อะไรคือตัวกำหนด หลายคนเข้าใจว่า สีผิว มาจากพันธุกรรม แต่ก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่จำนวนไม่น้อย บางคนพ่อแม่ผิวขาว แต่ลูกกลับมีสีผิวที่เข้มกว่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมแต่ละคนจึงมีสีผิวที่ไม่เหมือนกัน วันนี้จะพาทุกคนมาหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน รวมถึงเรื่องราวที่น่าสนใจของสบู่ที่ทําให้ขาวด้วย แม้ว่าสบู่ที่จะมีจำหน่ายมากมายเต็มไปหมด แต่ก็ต้องเลือกให้ดี

 

ทำไมมนุษย์จึงสีผิวถึงต่างกัน ?

สีผิวของมนุษย์ ถูกกำหนดด้วยจำนวนเมลานิน โดยเทลานินคือเม็ดสีผิว ที่ผลิตจากเซลล์ผิวหนัง ยิ่งเซลล์ผิวหนังมีการผลิตสีเมลานินมากเท่าไหร่ สีผิวก็ยิ่งเข้มมากเท่านั้น หมายความว่า คนที่มีผิวขาวนั้นมีเม็ดสี น้อยกว่าคนที่มีผิวดำ นั่นเอง

แล้วทุกคนสงสัยไหมว่า จำนวนเม็ดสีเมลานินในผิวหนังนั้น ถูกกำหนดจากอะไร คำตอบ คือ พันธุกรรม แต่ก็ไม่ได้มีเพียงแค่พันธุกรรมอย่างเดียวที่เป็นตัวกำหนดเม็ดสีผิว สภาพแวดล้อมภายนอก เช่น แสงแดด ฝุ่น ควัน เป็นต้น ไปจนถึงผิวหนังสัมผัสกับสารเคมีด้วยเช่นเดียวกัน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีผลต่อการผลิตเม็ดสีผิวทั้งนั้น

 

การดูแลผิวให้ขาวกระจ่างใส

การดูแลผิวให้ขาวกระจ่างใส มีหลายวิธี เช่น การสครับผิว การใช้ผลิตภัณฑ์ปรับผิวขาว ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไปจนถึงการใช้สบู่ที่ทำให้ผิวขาว โดยเฉพาะสบู่ที่ทำให้ผิวขาว บอกเลยว่าตอนนี้กำลังได้รับความสนใจมาก สาเหตุหนึ่งก็น่าจะมาจากเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่ายๆ ตามร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ สบู่ที่ทำให้ผิวขาว ปัจจุบันมีมากมายหลายแบรนด์ หลายยี่ห้อ แต่ผู้ซื้อ ก็อย่าเห็นแก่ของที่มีราคาถูกเพียงอย่างเดียว ต้องให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของแบรนด์ด้วย เลือกยี่ห้อที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ปลอดภัยต่อการใช้งาน เป็นสบู่ที่ทำให้ผิวขาว โดยปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย ยิ่งมีสารสกัดมาจากธรรมชาติ ยิ่งดี เพราะมีความอ่อนโยนต่อผิว เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย

สบู่ที่ทําให้ขาว

อย่างเช่น สบู่ที่ทําให้ผิวขาว แบรนด์ JELLYS แบรนด์นี้ การันตีความเป็นที่หนึ่ง ผลิตภัณฑ์ปลอดภัยไว้ใจได้ มีสารสกัดมาจากธรรมชาติ ไม่เพียงแต่ทำให้ผิวขาว แต่ยังทำให้ผิวสวยแบบมีสุขภาพดี ใช้แล้วผิวนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน ใครๆ ใช้แล้ว ก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แบรนด์ JELLYS ของจริง ตัวจริง แบรนด์นี้ใช้แล้ว

สบู่ที่ทําให้ผิวขาว

แนะนำสบู่ที่ทําให้ผิวขาว ที่เป็นได้ทั้งสบู่และมาส์กหน้า

สบู่ที่ทําให้ผิวขาวตัวไหนที่ใช้แล้วช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส

เชื่อว่าคุณสาวๆ ที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่คงเคยใช้สบู่ที่ทําให้ขาวกันมาแล้วใช่หรือไม่ ถ้าใช่ วันนี้เรามีสบู่ที่ช่วยให้ผิวขาว ซึ่งเป็นได้ทั้งสบู่และมาส์กหน้าในคราวเดียวกันมาแนะนำ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยใช้สบู่มาก่อน ก็เป็นโอกาสดีที่เราจะมาบอกต่อตัวช่วยทำความสะอาดผิวหน้า ที่นอกจากจะทำให้ผิวขาวแล้ว ยังตอบโจทย์ปัญหาผิวหน้าได้อย่างครอบคลุม

แต่ก่อนจะไปดูว่าสบู่ยี่ห้อไหนเด็ด ยี่ห้อไหนโดน เรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าว่าปัญหาหน้าหมองคล้ำเกิดจากสาเหตุใด

1.มลภาวะทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น สารพิษในอากาส ควัน หรือแสงแดด สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำทั้งนั้น นอกจากผิวที่หมองคล้ำแล้ว ยังอาจทำให้เกิดสิวอุดตัน ฝ้า กระ และจุดด่างดำขึ้นด้วย แม้ว่าเราจะรู้และเข้าใจดีว่าควรหลีกเลี่ยงตัวการเหล่านี้ แต่บางครั้งมันก็ยากที่จะเลี่ยงได้

2.พักผ่อนไม่เพียงพอ หน้าหมองคล้ำ อาจเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้หน้าโทรม นอกจากนั้นยังทำให้เกิดสิวบนใบหน้าได้ง่ายด้วย

3.ความเครียดหรือความวิตกกังวล อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หน้าหมองคล้ำ ก็คือ ความเครียดหรือความวิตกกังวล เมื่อมีความเครียดจะมีเลือดมาหล่อเลี้ยงผิวน้อย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าหมองคล้ำ

4.คราบเครื่องสำอาง คราบเครื่องสำอางนี่แหละตัวการสำคัญ ถ้าเราล้างหน้าไม่สะอาด อาจทำให้เครื่องสำอางทิ้งคราบไว้บนใบหน้า และเข้าไปอุดตันในรูขุมขนจนเกิดสิวตามมาได้ในที่สุด รวมไปถึงคราบเหงื่อไคลต่างๆ ด้วยนะ

 

เอาล่ะ เมื่อได้รู้สาเหตุหลัก ที่ทำให้หน้าหมองคล้ำแล้ว ทีนี้เราอยากให้ทุกคนมาทำความรู้จักกับ สบู่ที่ทําให้ผิวขาวบอกได้เลยว่าตัวช่วยนี้เด็ดมากๆ กับผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า “เพียว เฟส มาส์ก พาวเวอร์ โซฟที่เป็นได้ทั้งสบู่และมาส์กบำรุงผิวในคราวเดียวกัน

สบู่ที่ทําให้ผิวขาว

สบู่แบรนด์ JELLYS มีสารสกัดจากธรรมชาติมากถึง 7 ชนิด ได้แก่ ทีทรีออยล์ วิชฮาเซล ว่างหางจระเข้ วิตามินซี น้ำผึ้ง โสม และเลม่อน ช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างหมดจด และบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก บอกลาปัญหาหน้าหมองคล้ำ ฝ้า กระ และจุดด่าดำ นอกจากนั้นยังช่วยยับยั้งการเกิดสิวใหม่ได้ด้วย ส่วนสิวเก่าก็จางหายเร็วขึ้น

เท่านั้นยังไม่พอ สบู่ก้อนนี้ ยังช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง ช่วยรักษาสิวอักเสบ ผดผื่น รอยดำ รอยแดงที่เกิดจากสิว และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวด้วยนะ สาวๆ คนไหน ได้ลองใช้แล้วติดใจแน่นอน

 

สบู่ที่ทําให้ผิวขาว

เลือกสบู่ที่ทําให้ผิวขาว ที่มีสารสกัดมาจากธรรมชาติ

จะรู้ได้อย่างไรว่าสบู่ก้อนไหน คือ สบู่ธรรมชาติ

สบู่ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย ของใช้จำเป็นในชีวิตปัจจุบัน แต่ในยุคนี้ สมัยนี้ สบู่ ไม่เพียงแค่ช่วยทำความสะอาดร่างกาย กำจัดเชื้อโรค สิ่งสกปรก หรือแบคทีเรียเท่านั้น แต่ยังมีสบู่ที่ทําให้ผิวขาวตอบโจทย์ความต้องการของผู้หญิงได้เป็นอย่างดี ว่ากันว่า สบู่ที่ดีควรมีส่วนผสมมาจากธรรมชาติ โดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย การใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของสารเคมี อาจเป็นอันตรายต่อผิวได้ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า สบู่ก้อนไหน คือ สบู่ที่มีส่วนผสมมาจากธรรมชาติ

สบู่ธรรมชาติ สามารถสังเกตได้จากฉลากของสบู่ โดยทั่วไปสบู่ธรรมชาติจะมีวัตถุดิบไม่มากนัก อาจมีเพียงแค่ไขมันพืชหรือไขมันสัตว์ ผสมกับด่างโซเดียมไฮดรอกไซด์ ในขณะเดียวกันก็อาจมีส่วนผสมหรือสารสกัดจากดอกไม้ พืช  วิตามินที่ได้จากผลไม้ น้ำมันมะพร้าว ฯลฯ สบู่ธรรมชาติ โดยปราศจากสารเคมี เช่น พาราเบน น้ำหอม สารให้สี ฯลฯ เป็นสบู่ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว เหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบางหรือผิวแพ้ง่าย

สบู่ที่ทำให้ผิวขาว ปัจจุบันมีมากมายหลายยี่ห้อ เน้นสบู่ที่มีสารสกัดมาจากธรรมชาติ เลือกยี่ห้อที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน มี อย. ผลิตขึ้นมาแบบถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากพบว่าใช้แล้วเกิดอาการแพ้ มีผื่นขึ้น หรือมีอาการระคายเคืองใดๆ ตามมา ควรหยุดใช้ทันที แต่หากพบว่ามีอากาแพ้ชนิดรุนแรง แนะนำให้รีบไปปรึกษาแพทย์ทางด้านผิวหนัง เพื่อหาวิธีป้องกันและรักษาต่อไป

เมื่อได้รู้แล้วว่าสบู่ธรรมชาติ จะต้องสังเกตที่ฉลากของบรรจุภัณฑ์ ซึ่งส่วนผสมทุกรายการจะมีการระบุด้วยชื่อสากลทางเครื่องสำอาง (INCI Name) เป็นไปตามระเบียบของ อย. คำถามต่อมาคือ แล้วสบู่สังเคราะห์ มีวิธีดูอย่างไร สบู่สังเคราะห์ สังเกตได้ง่ายนิดเดียวคือ ก้อนสบู่จะมีความใส แต่ก็อาจไม่ได้ฟันธงว่าเป็นสบู่สังเคราะห์ทั้งหมดเสมอไป เพราะสบู่สังเคราะห์ที่ขายกันอยู่ในปัจจุบัน ก็มีทั้งแบบใสและแบบขุ่น อาจต้องอาศัยการดูองค์ประกอบบนฉลากผลิตภัณฑ์ สังเกตง่ายๆ คือ หากเป็นสบู่สังเคราะห์มักจะมีส่วนผสมของ สารที่ทำให้เกิดฟอง สารกันเสีย สารกันหืน และมีตัวทำละลายอีกหลายชนิด

สบู่ที่ทําให้ผิวขาว

ทีนี้ หลายๆ คนก็พอจะแยกออกแล้วว่าสบู่ธรรมชาติและสบู่สังเคราะห์มีลักษณะอย่างไร มีส่วนสผมของอะไรบ้าง แตกต่างกันอย่างไร ส่วนการเลือกซื้อสบู่ที่ทําให้ขาวก็ต้องเลือกยี่ห้อดีๆ เน้นที่มีสารสกัดมาจากธรรมชาติ มีความน่าเชื่อถือ และอย่าลืมสังเกตฉลากผลิตภัณฑ์ว่ามีส่วนผสมของอะไรบ้าง สบู่ที่ทำให้ผิวขาว ที่มีสารสกัดมาจากธรรมชาติ ช่วยปรับให้ผิวกระจ่างใส เติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และมีความอ่อนโยนต่อผิว อย่างเช่น สบู่แบรนด์ เจลลี่ JELLYS ที่ต้องบอกเลยว่า สาวๆ ใช้ได้อย่างปลอดภัย ใช้แล้วติดใจแน่นอน

สบู่ที่ทําให้ขาว

สบู่ที่ทําให้ขาว ไอเทมเด็ดที่สาวๆ นิยมเลือกใช้กัน

ข้อเท็จจริงของสบู่ที่ทําให้ขาว เห็นผลจริงหรือ

นอกจากโลชั่นผิวขาว สครับผิวขาว ครีมผิวขาวหรืออาหารเสริมผิวขาวแล้ว สบู่ที่ทําให้ขาว คือตัวช่วยสำคัญของสาวๆ เช่นเดียวกัน โดยในปัจจุบันสบู่ที่ทำให้ขาวกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ทุกคนเคยสงสัยไหมว่าสบู่ที่ทําให้ขาวนั้นแท้จริงแล้วเห็นผลจริงหรือ สามารถทำให้ผิวขาวได้จริงหรือไม่และมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด วันนี้เราจะพาทุกคนมาหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน

สบู่สามารถทำให้ผิวของเราขาวขึ้นได้อย่างไร ? อันดับแรกเลยเราต้องขออธิบายก่อนว่าสบู่นั้นจริงๆ แล้วไม่สามารถเพิ่มความขาวให้กับผิวของคนเราได้แบบเร่งด่วนหรือขาวขึ้นจากเดิมได้หลายๆ เท่าตามคำโฆษณา เนื่องจากสบู่นั้นเป็นเพียงแค่การใช้งานจากภายนอก ไม่ได้มีการฉีดผิวหรือการรับประทานอาหารเสริมเข้าไป สบู่เป็นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมต่างๆ ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส โดยช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่แห้งตายให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวใหม่สร้างขึ้นมาทดแทน จึงทำให้ความหมองคล้ำและจุดด่างดำต่างๆ ลดลง และเผยให้เห็นผิวใหม่ที่มีความสว่างสดใสมากขึ้น

สบู่หลายยี่ห้อ มีการเพิ่มส่วนผสมของสารที่ช่วยยับยั้งการผลิตเมลานินในชั้นผิว จึงช่วยลดปัญหาผิวหมองคล้ำได้ ดังนั้น คุณสมบัติเหล่านี้เองที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหลายตัวถูกตั้งชื่อขึ้นมาว่าเป็นสบู่ที่ทำให้ขาวหรือ Whitening Soap นั่นเอง

สบู่มีทั้งแบบสบู่เหลวและสบู่ก้อน ซึ่งสบู่ทั้ง 2 แบบนี้ จริงๆ แล้วก็มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดที่เท่าเทียมกันแตกต่างกันตรงที่เนื้อสัมผัสและความชอบส่วนตัว หากเป็นสบู่ก้อนส่วนใหญ่แล้วจะมีราคาย่อมเยามากกว่าสบู่เหลว แต่จะด้อยกว่าในเรื่องของส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น จะสังเกตได้ง่ายๆ หลายคนจะรู้สึกได้ว่าผิวแห้ง หลังจากใช้สบู่ก้อน อีกทั้งยังเลอะเทอะและจัดเก็บหรือพกพาไปไหนมาไหนไม่สะดวกเหมือนสบู่เหลวที่บรรจุในขวด  

สบู่ที่ทําให้ขาว

สบู่ในปัจจุบันมักมีส่วนผสมของสารสำคัญ ได้แก่ กลูต้าไธโอน วิตามิน B3 วิตามินซี แอลฟ่า-อาร์บูติน และสารสกัดอื่นๆ ที่ได้จากธรรมชาติ เช่น ขมิ้น หรือสมุนไพรอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การเลือกสบู่ผู้ซื้อก็ต้องพิจารณาจากหลายๆองค์ประกอบร่วมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความน่าเชื่อถือของยี่ห้อหรือความน่าเชื่อถือของแบรนด์ บางคนใช้สบู่แล้วปรากฏว่าแพ้เกิดอาการระคายเคือง เกิดผื่นแดง แสบผิวหรือเกิดปัญหาผิวพรรณอื่นๆ ตามมา ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยและนำให้เลือกซื้อสบู่ที่ทําให้ขาวยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือ มีเลขที่จดแจ้งหรือมีอย. ถูกต้องตามกฎหมายจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพและผิวพรรณของคุณเอง

สบู่ที่ทําให้ขาว

ส่วนประกอบของสบู่ที่ทําให้ขาวนั้น มีอะไรบ้าง

เราไปดูกันว่าส่วนผสมต่างๆในสบู่ที่ทําให้ขาว มีอะไรบ้าง

สบู่คือผลิตภัณฑ์ที่เราต้องใช้ทำความสะอาดผิวและร่างกายกันอยู่ทุกวัน จึงอาจจะต้องให้ความสนใจในส่วนประกอบของสบู่ที่ทําให้ขาว ว่ามีอะไรบ้าง แล้วแต่ละตัวมีคุณสมบัติและหน้าที่แตกต่างกันอย่างไร จำเป็นแค่ไหนที่จะต้องใส่ลงไปในสบู่ ที่สำคัญคือจะต้องไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อผิวพรรณอันบอบบางของเราด้วย โดยจะมีอะไรเป็นส่วนประกอบในสบู่บ้างนั้น ไปอ่านกันเลยค่ะ

1.ไขมันหรือน้ำมัน เป็นไขมันที่ได้มาจากธรรมชาติ โดยจากพืชและสัตว์ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะกอก ไขมันวัว ควาย แกะ แพะ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่มักนิยมใช้ไขมันจากพืชมากกว่า เพราะมีลักษณะขาวเนียนใสน่าใช้กว่าสบู่ที่ทำมาจากไขมันสัตว์ และที่สำคัญยังหาง่ายและราคาถูกกว่าอีกด้วย

2.ด่างเข้มข้น เป็นสารเคมีตัวหนึ่งที่สำคัญในการทำสบู่ เพราะจะต้องทำปฏิกิริยากับไขมันจากธรรมชาติ ซึ่งมีหน้าที่เป็นตัวทำความสะอาดผิว โดยต้องมีค่า pH อยู่ที่ 8-10 จึงจะไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง ด่างเข้มข้นที่นิยมนำมาใช้ทำสบู่ก็ได้แก่ โซเดียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งจะได้สบู่ก้อนทึบ เนื้อแข็ง ให้ฟองมาก และโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งจะทำให้สบู่มีลักษณะอ่อนตัวกว่า จึงนิยมนำมาใช้ทำเป็นสบู่เหลวนั่นเองค่ะ

3.สารแต่งเติม เป็นสารเคมีที่เป็นส่วนประกอบหนึ่งในการทำให้สบู่คงตัว มีกลิ่นหอม สวยงามน่าใช้ เช่น น้ำหอม สี สมุนไพร สารลดแรงตึงผิว สารป้องกันความชื้น สารเพิ่มความแข็ง สารทำให้ฟองคงตัว สารออกซิเดชั่น สารลดความเป็นด่าง สารฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรีย เป็นต้น เพื่อให้สบู่มีคุณสมบัติต่าง ๆ ที่เหมาะแก่การนำมาใช้งานได้มากขึ้นนั่นเอง

4.สารบำรุงผิว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับสบู่ที่ทําให้ขาว นั่นก็คือสารบำรุงผิว ซึ่งมักจะได้แก่ สารให้ความชุ่มชื้นหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ เปล่งปลั่ง สดใส ไม่แห้งตึง, วิตามินอี ที่มีคุณสมบัติต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว, กรดผลไม้ AHA BHA ตัวช่วยในการผลัดเซลล์ผิวให้กระจ่างใสขึ้น, กลูต้าไธโอน ช่วยยับยั้งการผลิตเมลานินหรือเม็ดสีน้ำตาลดำ ทำให้ผิวดูขาวอมชมพูขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

สบู่ที่ทําให้ขาว

สำหรับวิธีเก็บรักษาสบู่ก้อนไว้ให้ใช้ได้นานนั้น ก็มีเคล็ดลับที่ไม่ยากมาบอกกันค่ะ ซึ่งหลายคนอาจจะรู้อยู่แล้วก็เป็นได้ แต่ก็ถือว่าเป็นการเน้นย้ำอีกทีจะได้ไม่ลืมกันนะคะ โดยไม่ควรวางสบู่ไว้ในที่มีแสงแดดส่องถึงหรือที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพของสบู่ลดลง และควรวางไว้ในที่แห้ง น้ำสาดไม่ถึง และมีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันไม่ให้สบู่ละลายหมดเร็วนั่นเองค่ะ