หน้าเป็นฝ้า

6 วิธีการรักษา หน้าเป็นฝ้า ด้วยเทคนิคทางการแพทย์

หน้าเป็นฝ้า ใช่ไหม ไม่เป็นไร เครื่องมือทางการแพทย์ช่วยคุณได้

หน้าเป็นฝ้า เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความกลุ้มใจให้กับสาวๆไม่น้อย เพราะว่าเกิดกับผิวหน้าในบริเวณกว้าง สามารถมองเห็นได้ชัดแถมยังรักษาให้หายขาดได้ยากอีก แต่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้ามากในปัจจุบันทำให้การรักษาหน้าเป็นฝ้าสามารถทำได้ไม่ยากเลย

1.การใช้กรดกำจัดฝ้า (Chemical peeling) เป็นวิธีการที่ใช้กรดมากระตุ้นให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวเร็วขึ้น ทำให้เซลล์ผิวใหม่กระจ่างใสกว่าเดิม โดยฝ้าจะจางลง กรดที่ใช้มีหลายชนิด เช่น TCA หรือ AHA เป็นต้นเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง ค่าใช้จ่ายไม่มาก แต่ผลลัพธ์ก็จะเห็นได้ช้าหน่อย ข้อควรระวังคือหลังจากลอกฝ้าด้วยกรดแล้ว ผิวจะไวต่อแสงมาก ดังนั้นไม่ควรทำบ่อยและต้องปกป้องผิวจากแสงแดดให้ดีหลังทำ

หน้าเป็นฝ้า

 

2.การทำไอออนโต (Iontophoresis) คือการใช้เครื่องมือที่มีกระแสไฟฟ้าแบบอ่อนๆมาช่วยผลักดันยาหรือสกินแคร์ให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวมากขึ้น จะช่วยให้ยาออกฤทธิ์ได้ดียิ่งขึ้น โดยยาที่นิยมใช้มักจะมีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อนๆที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ เช่น กรดวิตามินซี กรดโคจิก อาร์บูติน เป็นต้น โดยมักจะมาในรูปแบบของเจล เพราะจะซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย วิธีนี้อาจทำให้รู้สึกระคายเคืองผิวอยู่บ้าง แต่ก็นับว่าได้ผลดี แค่ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งฝ้าก็จะดูจางลงแล้ว

หน้าเป็นฝ้า

 

3.การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี (Microdermabrasion) เป็นเครื่องมือที่จะกรอผิวหนังชั้นนอกออกไป จึงช่วยกำจัดฝ้าออกไปได้ด้วย แต่ต้องระวังในเรื่องระดับความแรงของเครื่องมือ เพราะจะทำให้ผิวเกิดระคายเคืองได้

หน้าเป็นฝ้า

 

4.IPL (Intense Pulsed Light) เป็นวิธีการที่ใช้แสงยิงลงไปที่ผิวหน้าบริเวณที่เป็นฝ้า ความร้อนจากแสงจะไปทำลายเม็ดสีเมลานิน ทำให้ฝ้าดูจางลง เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหรือระคายเคืองเหมือนวิธีอื่น หลังทำอาจจะแค่เกิดรอยแดงเล็กๆน้อยๆเท่านั้นแต่ก็จะจางลงในเวลาไม่นาน การรักษาด้วยวิธีนี้ควรทำติดต่อกันเดือนละ 1-2 ครั้ง ช่วงแรกๆตรงบริเวณฝ้าจะตกสะเก็ดบ้าง แต่จะค่อยๆหลุดไปเอง

หน้าเป็นฝ้า

 

5.Fraxel เป็นวิธีการเลเซอร์แบบหนึ่งที่จะใช้คลื่นความร้อนยิงลงไปที่ผิว เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าถูกผลัดออกไปไวยิ่งขึ้น จึงทำให้บริเวณที่เป็นฝ้าจางลงตามไปด้วย เป็นอีกวิธีที่มีความปลอดภัย ได้ผลดีแต่ต้องระวังนิดหน่อยเพราะผิวจะบางและไวต่อแดดมาก

หน้าเป็นฝ้า

 

6.Yag เป็นเลเซอร์อีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก มีหลักการคล้ายกับการเลเซอร์แบบ Fraxel แต่เป็นผิวจะเป็นสะเก็ดน้อยกว่า บางคนอาจไม่มีสะเก็ดเลย อย่างไรก็ตามผิวก็ยังไวต่อแสงแดดมากอยู่ดี ดังนั้นจึงต้องทาครีมกันแดดไปตลอดการรักษา

หน้าเป็นฝ้า

จะเห็นได้ว่าวิธีการรักษาหน้าเป็นฝ้าด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์นั้นมีหลายวิธี ซึ่งก็สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม แต่อย่างไรก็ตามวิธีการรักษาที่ดีที่สุดคือ การป้องกันไม่ให้เป็นฝ้ามาตั้งแต่แรก ดังนั้นถ้าไม่อยากต้องมาเสียเงินมากมายให้กับการรักษาฝ้าก็ควรเริ่มดูแลผิวพรรณของตัวเองตั้งแต่วันนี้ค่ะ